"นำรถเช่าซื้อยังไม่ครบไปขาย"

จำเลยเช่าซื้อรถ ขณะที่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบได้นำรถไปขายให้โจทก์ โดยให้โจทก์ผ่อนชำระเป็นงวดๆ ต่อมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เจ้าของยึดรถไป ถือมีการรอนสิทธิ ทำให้จำเลยไม่สามารถส่งมอบและจัดการให้โจทก์ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในรถ จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดในการรอนสิทธินั้น (คำพิพากษาฏีกาที่ ๓๖๒๐/๒๕๑๖)

ข้อสังเกต :

๑. เช่าซื้อรถ ผ่อนชำระราคายังไม่ครบ ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถคันดังกล่าว นำรถที่ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ไปขายต่อให้คนอื่นโดยอาจมีการขายดาวน์และส่วนที่เหลือ ผู้ซื้อต้องมาผ่อนชำระราคาให้ผู้เช่าซื้อเป็นงวดๆ และผู้เช่าซื้อได้รับเงินนั้นซึ่งอาจจะมากกว่าหรือเท่าราคาที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อมามอบให้ผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อก็นำไปชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ให้เช่าซื้อ ต่อมาผู้เช่าซื้อก็ไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เมื่อผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ๒ งวดติดต่อกัน ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญา ริบเงินค่าเช่าซื้อที่ได้จ่ายมาก่อนนี้ และเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อ ดังนี้ ถือว่าผู้ที่ซื้อรถจากผู้เช่าซื้อถูกรอนสิทธิ โดยไม่สามารถได้ใช้รถ ผู้เช่าซื้อต้องรับต่อผู้ซื้อในการรอนสิทธินั้น

๒. การทำนิติกรรมระหว่างผู้เช่าซื้อกับผู้ซื้อสามารถบังคับกันเองได้ระหว่างคู่กรณี แต่ไม่สามารถใช้ยันกับผู้ให้เช่าซื้อที่เป็นบุคคลภายนอกได้

๓. การซื้อขายรถยนต์เป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกิน ๒๐,๐๐๐ บาท สมบูรณ์ด้วยการวางประกัน หรือชำระหนี้บางส่วนหรือมีหลักฐานเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้รับผิดเป็นสำคัญ

๔. นำรถที่เช่าซื้อไปขายให้คนอื่น แม้จะเป็นการขายเงินผ่อนก็อาจเป็นความผิดฐานยักยอกหรือฉ้อโกงได้แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆไป

๕. กรณีนี้หากต้องการให้การโอนการเช่าซื้อมีผลสมบรูณ์ก็ควรที่ผู้เช่าซื้อจะตกลงโอนสิทธิการเช่าซื้อรถคันดังกล่าวโดยให้ผู้รับโอนการเช่าซื้อโดยทำเป็นหนังสือระหว่างผู้ให้เช่าซื้อกับผู้เช่าซื้อคนใหม่ อันเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จึงต้องทำเป็นหนังสือระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่

(ท่านจิระประวัติ เเบบประเสริฐ)