ปัจจุบันคงปฏิเสธกันไม่ได้ครับว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยคิดจะมีรถขับอย่างน้อยๆก็รถจักรยานยนต์สักคันนึงและก็คงต้องยอมรับครับว่าคนส่วนใหญ่ก็มักจะซื้อด้วยเงินผ่อนโดยทำสัญญาเช่าซื้อกับไฟแนนท์และก็มีไม่น้อยที่มีปัญหาตามมาทำให้เกิดคำถามในใจกับลูกหนี้หลายๆท่านได้แก่

1. กรณีขาดส่งค่างวดต้องเป็นจำนวนกี่งวดกี่ครั้งถึงทำให้ไฟแนนท์มีสิทธิ์ยึดโดยชอบได้ 

2. แล้วการยึดรถไฟแนนท์มีอำนาจมายึดเองได้หรือไม่

3. และเมื่อยึดรถคืนไปแล้วค่าเช่าซื้อส่วนที่ค้างชำระไฟแนนท์เรียกคืนได้หรือไม่

4. แล้วจำนวนราคาค่างวดที่เหลือตามสัญญาเช่าซื้อจะเรียกให้ผู้เช่าซื้อชำระได้หรือไม่

5. แล้วกรณีผู้เช่าซื้อเสียชีวิตก่อนที่จะส่งค่างวดครบหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจะระงับไปหรือไม่

6. และในระหว่างที่ยังส่งค่างวดไม่ครบตามสัญญาจะขายรถยนต์ให้บุคคลอื่นต่อไปทำได้หรือไม่

                      ทนายโบ้จะวิเคราะห์ประเด็นแต่ละคำถามให้พอเข้าใจเป็นสังเขปดังนี้

ประเด็นตามปัญหาในข้อ 1. กรณีขาดส่งค่างวดต้องเป็นจำนวนกี่งวดกี่ครั้งถึงทำให้ไฟแนนท์มีสิทธิ์ยึดโดยชอบได้ 

 หากผู้เช่าซื้อขาดส่งค่างวด 3 งวดติดต่อกัน ไฟแนนท์ก็มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้เช่าซื้อ และกลับเข้าครอบครองรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ตามประกาศ สคบ. ข้อ 4. (5) แต่ทั้งนี้ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ใช้เงินรายงวดที่ค้างชำระนั้น ภายในเวลาอย่างน้อยสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือ สรุปคือเราค้างได้ 3 งวด+ระยะเวลาบอกกล่าว 30 วันรวมเป็น 4 งวดไฟแนนท์จึงจะมีสิทธิ์ฟ้องดำเนินคดีได้ มีคำถามต่อว่า หากกรณียังไม่ครบระยะเวลาบอกกล่าวตามที่ระบุในหนังสือบอกกล่าวจะสามารถฟ้องคดีได้หรือไม่ ทางกฎหมายถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกันผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิ์เข้าครอบครองรถก่อนกำหนด แต่ทางปฏิบัติไฟล์แนนท์จะให้ผู้เช่าซื้อเซ็นต์ใบส่งและรับมอบรถพร้อมกับส่งมอบรถให้ไฟแนนท์ไปกรณีนี้อาจถือว่าผู้เช่าซื้อยอมสละเงื่อนเวลาตามที่ระบุในหนังสือบอกกล่าวแล้ว ก็อาจแพ้ไฟแนนท์อยู่ดี

                   ประเด็นตามปัญหาในข้อ 2. การยึดรถไฟแนนท์มีอำนาจมายึดเองได้หรือไม่

การยึดรถต้องดูวิธีการพฤติการณ์เป็นกรณีไป โดยหลัก ความยินยอมไม่เป็นละเมิด ซึ่งไฟแนนท์ที่จะใช้วิธีการเจรจาชี้แจงให้ผู้เช่าซื้อเห็นถึงข้อดีหรือข้อเสียของการยึดหน่วงไม่ส่งมอบรถให้เข้าใจแล้วตกลงกันได้โดยดีไม่มีการใช้กำลัง ข่มขู่ บังคับใดๆ กรณีนี้ไฟแนนท์ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

                 แต่ทางปฏิบัติมีไม่น้อยที่ผู้เช่าซื้อไม่ยอมคืนรถดีๆ แล้วมีการใช้กำลัง ข่มขู่ บังคับขู่เข็น โดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งโดยหลักเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องการผิดสัญญาทางแพ่งผู้ซึ่งถูกโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิ์ของตนต้องใช้สิทธิ์ทางศาลในการเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้หรือชำระค่าเสียหาย ตาม ปวิพ.ม.55 และบุคคลที่ มีสิทธิ์ยึดรถเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้โดยชอบนั้น คือ เจ้าพนักงานบังคับคดี ตาม ปวิพ. ม.297 เท่านั้น พนักงานยึดรถไฟแนนท์ไม่มีอำนาจใดๆจะกระทำได้ซึ่งหากกระทำไปอาจจะมีความผิดทางอาญา เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือ ปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป

                 ประเด็นปัญหา ข้อ 3. เมื่อยึดรถไปแล้วจะเรียกค่างวดที่ค้างได้หรือไม่ 

ตาม ปพพ.มาตรา 574 เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ให้ริบเป็นของเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย  จากหลักกฎหมายมาตรา 574 เห็นได้ว่ากรณี ไฟแนนท์เป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาเนื่องจากผู้เช่าซื้อผิดสัญญานั้นเงินค่างวดส่วนที่ส่งไปก่อนนั้นไฟแนนท์มีสิทธิ์ไม่คืนให้และไม่หักลบกลบหนี้ใดๆให้เลยแต่ก็มีสิทธิ์ริบเฉพาะค่างวดที่ส่งไปแล้วเท่านั้นไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ แต่ถึงแม้ไฟแนนท์จะไม่มีสิทธิ์เรียกชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก็ตาม ทางปฏิบัติไฟแนนท์มักจะเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาโดยให้ใช้ราคารถซึ่งคำนวณเอาจากราคารถทั้งหมดขณะทำสัญญาเช่าซื้อหักออกจากค่างวดที่ส่งไปแล้วและฟ้องเรียกส่วนที่เหลือ เช่น ขณะจัดไฟแนนท์ ราคารถ+ด้วยดอกเบี้ยเท่ากับ 600,000 บาทผ่อนชำระ 60 งวด งวดละ 10,000 บาท ผ่อนมาได้ 10 งวด ค้างผ่อน 3 งวดรวมระยะเวลาไฟน์แนนท์บอกเลิกสัญญาอีก 1 งวด รวมค้างค่างวดเป็น 4 งวด ไฟแนนท์จะฟ้องเรียกจากผู้เช่าซื้อดังนี้ เอาราคา 600,000 ลบด้วยเงินที่ชำระมาแล้ว 100,000 คงเหลือ 500,000 บาทหากไม่สามารถส่งมอบรถคืนให้ได้ไฟแนนท์จะฟ้องเรียกเอาราคารถที่เหลือคือ 500,000 บาทและหากผู้เช่าซื้อยังไม่ส่งมอบรถยังยื้อไปเรื่อยๆก็จะโดนเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็นรายเดือนรายวันก็ตามแต่บวกรวมเข้าไปด้วยจนกว่าจะส่งมอบรถ และหากไฟแนนท์ยึดรถไปก่อนฟ้องไฟแนนท์จะนำรถไปขายทอดตลาดสมมุติว่าขายได้ 300,000 บาทไฟแนนท์จะมาฟ้องผู้เช่าซื้อให้ชำระส่วนต่าง 200,000 บาท  

          ในครั้งนี้ทนายโบ้ขอสรุปพอเข้าใจเกี่ยวกับการเช่าซื้อรถเพียงเท่านี้ก่อนครั้งหน้าจะมาต่อกันในหัวข้อที่เหลือครับ เพื่อนๆพี่น้องที่สนใจสอบถามเข้ามาได้ครับผมทนายโบ้ยินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นครับ

         ขอขอบคุณภาพข่าวจาก ช่อง3SD และ ช่อง SPRING NEWS

             เรียบเรียงโดย ทนายชนะ  ชนะพล ทนายคดียาเสพติด ทนายหาดใหญ่ 

           บริการว่าความ ฟ้อง แก้ต่างทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดียาเสพติด ทั่วราชอาณาจักร 

ปรึกษากฎหมายเบื้องต้น โทร 080 549 3774 ดำเนินการโดย ทนายชนะ ชนะพล หรือ(ทนายโบ้)