คดียาเสพติด เมื่อโดนตำรวจจับคดียาเสพติดจะสู้คดีอย่างไร

             เมื่อโดนตำรวจจับและเราไม่ได้ป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยกับยาเสพติดของกลางนั้นจริงๆ ทนายโบ้ขอแนะนำครับว่าอย่าลงชื่อในบันทึกจับกุม รวมทั้งรับรองภาพถ่าย หรือเอกสารใดๆที่ทางตำรวจนำมาให้เซ็นต์ 

           เวลาโดนควบคุมตัวจริงๆตำรวจมักจะบังคับผู้ต้องหาให้ลงชื่อในเอกสารอาจจะโดยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายต่างๆเช่น โดนทำร้าย(ซ้อม) หรือข่มขู่ว่าจะทำร้าย แล้วจะทำอย่างไรอันนี้ทนายบอกตรงๆครับในขณะนั้นเรายังทำอะไรไม่ได้เพราะเราสู้เค้าไม่ได้ครับมีแต่จะเจ็บตัวเค้าซ้อมก็ให้เค้าซ้อมครับเป็นเคราะห์กรรมของเราไป แต่ถ้าถึงขนาดหนักจนทนไม่ไหวเราก็ลงชื่อรับๆไปให้พ้นจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานครับ และเมื่อวันใดอาจได้ประกันตัวออกมาก็ไปพบแพทย์เพื่อตรวจบาดแผลทันทีจากนั้นต้องรีบนำใบรับรองแพทย์ไปแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับบุคคลที่ทำร้ายเราโดยเร็ว และคัดประจำวันมาใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้ในชั้นศาลนะครับ

             การรับสารภาพหรือปฏิเสธจะมีผลดีผลเสียแก่ผู้ต้องหาอย่างไร ในชั้นจับกุมและสอบสวนแม้จะรับสารภาพหรือปฏิเสธก็ตาม กฎหมายก็บัญญัติห้ามศาลรับฟังเป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ.ม.84 วรรคท้าย แต่เพื่อเป็นประโยน์ต่อรูปคดีขอแนะนำว่าหากมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติดของกลางให้ปฏิเสธไว้ก่อนโดยการไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุมเพราะแม้ตามกฎหมายจะฟังลงโทษไม่ได้ก็ตามแต่ก็ยังมีข้อเท็จจริงอื่นๆที่ศาลสามารถรับฟังประกอบได้

              นอกจากการลงชื่อในบันทึกการจับกุมแล้วเอกสารใดๆที่ทางตำรวจให้ลงชื่อรับรองนั้นก็ไม่ควรลงชื่อเพราะกำหมายมิได้ให้อำนาจตำรวจบังคับให้ผู้ต้องหาลงชื่อหรือบังคับให้กระทำการใดๆอันมิชอบได้ อย่างแม้แต่การบังคับให้ผุ้ต้องหานำถ่ายรูปประกอบคำรับสารภาพหรือบังคับให้นำชี้ยาเสพติดของกลางก็ไม่มีอำนาจกระทำได้เช่นกัน

               อย่าหลงเชื่อผู้ที่อ้างว่าจะช่วยเหลือวิ่งเต้นคดี บุคคลเหล่านี้จะอ้างว่าตำรวจเรียกเงินอัยการเรียกเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เห็นมานักต่อนักแล้วครับโดนหลอกทั้งนั้นเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้กล้าออกเอกสารหลักฐานการรับเงินจากเราฉะนั้นเมื่อรับเงินไปแล้วเราก็จะติดต่อหาเอาความใดๆกับคนเหล่านั้นไม่ได้เลย

               แล้วจะสู้คดียาเสพติดกันอย่างไร  โดยมากจะมีสองกรณี

            1. กรณีตำรวจใช้สายลับล่อซื้อจากผู้ค้าฯ มักจะล่อซื้อรายใหญ่ๆดังนั้นพยานหลักฐานสำคัญคือ ยาเสพติดของกลาง รวมทั้งธนบัตรล่อซื้อ ถ้าขณะจับกุมไม่พบยาฯของกลางกับธนบัตรล่อซื้อที่ผู้ต้องหาก็ยังมีโอกาสสู้คดีได้ แต่ในบางกรณีแม้จะไม่พบยาฯหรือธนบัตรของกลางที่ผู้ต้องหาก็ตามแต่ตำรวจมักจะรวบตัวเพราะการซัดทอดจากผู้ต้องหาอื่นไปด้วยก็ได้และบางครั้งศาลอาจรับฟังคำซัดทอดลงโทษได้เช่นกันดัง ฏ.6196/2554

             2.กรณีทั่วๆไปที่ไม่ได้เกิดจากการล่อซื้อเช่น ตั้งด่านตรวจค้นเจอในรถ ตรวจค้นเจอที่บ้านหรือที่พักอาศัยอาจเพราะตำรวจได้เบาะแส กรณีนี้ไม่มีธนบัตรล่อซื้อจะมีก็เพียงแต่ยาเสพติดของกลางที่เป็นหลักฐานสำคัญเท่านั้นหากยาเสพติดไม่ได้ตรวจค้นพบที่ผู้ต้องหาหรือสถานที่พักอยู่อาศัยกันหลายคนและยาไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัวของผู้ต้องหาหรือกรณีค้นพบในรถแต่ไม่ใช่รถเราเพียงแต่อาศัยโดยสารรถของบุคคลอื่นไปด้วย ผู้ต้องหาก็ยังมีโอกาสต่อสู้คดีได้

             ทั้งสองกรณีนอกจากยาเสพติดหรือธนบัตรล่อซื้อของกลางแล้วที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญแล้วศาลจะต้องฟังพยานอื่นๆประกอบเข้าด้วย เช่น พยานบุคคล(ตำรวจชุดจับกุม,พนักงานสอบสวน)

พยานเอกสารต่างๆ เช่น บัญชีของกลาง หนังสือแจ้งผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด จากกองพิสูจน์หลักฐาน หรือพยานพฤติเหตุแวดล้อมอื่นๆ เป็นต้น

               โดยมากในคดียาเสพติดที่มีปริมาณยาฯของกลางเยอะอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปและประกอบกับจำเลยลงชื่อรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนศาลชั้นต้นมักไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะเหตุเกรงจะหลบหนี แล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตต่อศาลอุทธรณ์ครับขั้นตอนนี้อาจต้องติดต่อทนายความดำเนินการให้ครับ ถึงจะมีค่าใช้จ่ายบ้าง ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆแล้วไม่ทำอะไรเลยนะครับ

                                  เรียบเรียงโดยทนายชนะ  ชนะพล หรือ ทนายโบ้

                                      มีปัญหาเกี่ยวกับคดียาเสพติดหรือคดีอื่นๆติดต่อ

สำนักกฎหมายทนายชนะ

บริการว่าความ ฟ้อง แก้ต่างทั้งคดีแพ่ง และ คดีอาญาทั่วราชอาณาจักร

และยินดีให้คำปรึกษาคดีเบื้องต้นก่อน

ดำเนินการโดย ทนายชนะ ชนะพล หรือทนายโบ้ โทร 0805493774